รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยว่าบริษัทกัลฟ์เอ็นเนอร์จีดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน)หรือGULFแจ้งว่าผลการดำเนินงานไตรมาส4/2565โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน(Core Profit)เท่ากับ3,593ล้านบาทเพิ่มขึ้น865ล้านบาทหรือ32%จากไตรมาส4/2564โดยสาเหตุหลักมาจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้าGSRCหน่วยที่3และ4รวมกำลังการผลิตไฟฟ้า1,325เมกะวัตต์ที่เปิดดำเนินการในเดือนมีนาคมและตุลาคม2565ส่งผลให้หน่วยผลิตไฟฟ้าทั้ง4หน่วยได้เปิดดำเนินการครบตามกำหนดเป็นที่เรียบร้อยและยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรCore ProfitจากINTUCHจำนวน1,085ล้านบาทในไตรมาส 4/2565นอกจากนี้ในเดือนธันวาคม2565 GULFได้มีการจำหน่ายหุ้น50.01%ในBKR2 Holdingซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมBKR2ที่ประเทศเยอรมนีให้แก่Keppel Groupส่งผลให้มีกำไรจากการขายจำนวน381ล้านบาทโดยกำไรสุทธิ(Net Profit)ในไตรมาส4/2565เท่ากับ5,406ล้านบาทเพิ่มขึ้น78%จาก3,043ล้านบาท ในไตรมาส4/2564 ในปี2565 GULFมีรายได้รวม(Total Revenue)เท่ากับ101,397ล้านบาทเพิ่มขึ้น92%จาก52,870ล้านบาทในปี2564และมีCore Profitเท่ากับ12,098ล้านบาทเพิ่มขึ้น37%จาก8,812ล้านบาทในปีก่อนโดยปัจจัยหลักมาจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้าGSRCหน่วยที่3และ4 (รวม1,325เมกะวัตต์)ที่เปิดดำเนินการในเดือนมีนาคมและตุลาคม2565และโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติDIPWPที่ประเทศโอมานที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น155เมกะวัตต์รวมเป็น195เมกะวัตต์อีกทั้งยังรับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเลBKR2ที่ประเทศเยอรมนีที่เพิ่มขึ้นจากราคาขายไฟฟ้าเฉลี่ยที่สูงขึ้นจาก184ยูโร/เมกะวัตต์ชั่วโมงเป็น352ยูโร/เมกะวัตต์ชั่วโมง ในไตรมาส3/2565และจากความเร็วลมเฉลี่ยที่ดีขึ้นจาก8.5เมตร/วินาทีในปี 2564เป็น9.1เมตร/วินาทีในปี2565นอกจากนี้ในปี2565 GULFยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรCore…