โปแลนด์รำลึก 79 ปี เหตุการณ์ก่อกำเริบวอร์ซอ

สาเหตุที่หลายฝ่ายต้องติดตามมาจากความกังวลว่า "เบลารุส" อาจใช้กลุ่มนักรบ "แวกเนอร์" เพื่อสร้างความไม่สงบในกลุ่มชาติบอลติก จนอาจบานปลายกลายเป็นสงครามระหว่าง เบลารุส-นาโต หรือนัยหนึ่งก็คือ การเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียและนาโต

โดยตรง ล่าสุด ความขัดแย้งสุ่มเสี่ยงที่จะรุนแรงขึ้น เมื่อรัฐบาลโปแลนด์ระบุว่ากองทัพเบลารุสรุก ล้ำน่านฟ้าโปแลนด์

“ปูติน” ชี้ สหรัฐส่งคลัสเตอร์บอมบ์ให้ยูเครน คือ “อาชญากรรม”

โปแลนด์-ยูเครน บรรลุข้อตกลงขนส่งธัญพืช

กระทรวงกลาโหมโปแลนด์ได้ออกแถลงผ่านหน้าเว็บไซต์ ของกระทรวง โดยระบุว่าในวันที่ 1 สิงหาคม เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเบลารุสจำนวน 2 ลำ ที่ฝึกรบอยู่บริเวณชายแดนได้รุกล้ำเข้ามายังน่านฟ้าของโปแลนด์

ทางการโปแลนด์ชี้แจงว่าเฮลิคอปเตอร์ของเบลารุส ได้บินข้ามมายังเขตเบียวอเวียซา ด้วยเพดานบินที่ต่ำมากจนระบบตรวจจับไม่สามารถตรวจพบได้ โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็น เขตอนุรักษ์ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ห่างจากชายแดนเบลารุสราว 4 กิโลเมตรเท่านั้น

ตอนนี้ทางการโปแลนด์ระบุว่าทได้ส่งเรื่องนี้ไปยังองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโตแล้วและมาริอุสซ์ บลัชตัก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมโปแลนด์และประธานคณะ กรรมการด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศ สั่งให้เพิ่มจำนวนทหาร อาวุธ และ ทรัพยากรในพื้นที่บริเวณชายแดน ด้านคณะกรรมาธิการของรัฐบาลโปแลนด์ ก็ได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะให้กระทรวงการต่าง ประเทศเชิญอุปทูตเบลารุสประจำโปแลนด์เข้ามาชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ขณะที่กระทรวงกลาโหมของเบลารุสได้ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านเทเลแกรมของ กระทรวง โดยระบุว่าเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ของเบลารุสทั้ง 2 ลำไม่ได้รุกล้ำน่านฟ้า โปแลนด์ตามแถลงการณ์ และโปแลนด์กำลังใส่ร้ายเบลารุสเพื่อหาสร้างความชอบ ธรรมในการเสริมกำลังบริเวณชายแดนเท่านั้น

เหตุการณ์เครื่องบินเบลารุสรุกล้ำน่านฟ้าโปแลนด์ที่เกิดขึ้นซ้ำเติมสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศอีกครั้ง

หลังจากที่ก่อนหน้านี้โปแลนด์เสริมกำลังบริเวณชายแดน เพราะกังวลว่าเบลารุสจะใช้ กลุ่มแวกเนอร์เข้ามาสร้างความไม่สงบในประเทศ

มาแตร์อุซ มอราวีแยตสกีส นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ได้ออกมาประกาศว่ากลุ่มแวกเนอร์ ที่ลี้ภัยจากรัสเซียไปอยู่ในเบลารุส กำลังมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ชายแดนเบลารุส-โปแลนด์ เพื่อเตรียมทำสงครามลูกผสม หรือ Hybrid warfare จนนำมาสู่การประกาศเพิ่มกำลัง

ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โปแลนด์ได้โยกย้ายทหารกว่า 1,000 นายไปประจำการยังชายแดนของประเทศด้านตะวันออกที่ติดกับประเทศเบลารุส เพื่อ เตรียมรับมือกับภัยคุกคามจากกลุ่มแวกเนอร์

หลังจากที่โปแลนด์ออกมาแสดงท่าทีต่อต้านเบลารุสอย่างชัดเจน เกี่ยวกับการมีอยู่ขอ งกลุ่มแวกเนอร์ ล่าสุดเมื่อวานนี้ อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุส ได้ออกมาพูดถึงเรื่อง นี้แล้ว โดยระบุว่ากลุ่มแวกเนอร์ไม่ได้ไปที่ชายแดนของเบลารุสแต่อย่างใด และตัวเขา ต้องการเก็บกลุ่มนักรบแวกเนอร์ไว้เป็นกองกำลังของเบลารุส

 โปแลนด์รำลึก 79 ปี เหตุการณ์ก่อกำเริบวอร์ซอ

หลายฝ่ายกำลังติดตามความเคลื่อนไหวประเด็นระหว่างเบลารุสกับโปแลนด์อย่างใกล้ ชิด เนื่องจากความขัดแย้งของทั้งสองชาติอาจบานปลายกลายเป็นสงครามใหญ่ได้เนื่องจากโปแลนด์เป็นชาติสมาชิกนาโต ส่วนเบลารุสได้รับการคุ้มครองโดยตรงจาก รัสเซียอย่างไรก็ดี ท่ามกลางความตึงเครียดบริเวณชายแดนโปแลนด์ เมื่อวานนี้ประชาชน จำนวนมากได้ไปรวมตัวกันเพื่อฉลองวันสำคัญของชาติ

ชาวโปแลนด์หลายพันคนได้ไปรวมกันที่ลานวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ หรือ Palace of Culture and Science ใจกลางกรุงวอร์ซอ เมืองหลวงของประเทศ เพื่อ รำลึกวาระครบรอบ 79 ปี เหตุการณ์การก่อกำเริบวอร์ซอ Warsaw Uprising

ในช่วงเวลา 17.00 นาฬิกาวานนี้ ลานที่เนืองแน่นไปด้วยฝูงชนค่อยๆ กลายเป็นทุ่งไฟสี แดงสดสว่างจากพลุแฟลร์ที่ผู้ชุมนุมจุด รถราและประชาชนที่เดินอยู่ตามท้องถนนต่างหยุดนิ่ง เพื่อทำสิ่งที่เรียกว่า โมงยามแห่ง ดับบิว หรือ “W hour”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

สาเหตุที่ต้องเป็นเวลา 17.00 นาฬิกาของวันที่ 1 สิงหาคม เป็นเพราะช่วงเวลานี้ตรงกับ วันเวลาที่นักสู้ฝ่ายต่อต้านของโปแลนด์พยายามโค่นล้มกลุ่มนาซีเยอรมันที่ยึดครอง ประเทศ

ย้อนกลับไปในช่วงเวลา 17.00 นาฬิกาของวันที่ 1 สิงหาคม ปี 1944ชาวโปแลนด์จำนวนหลายพันคน ได้หยิบอาวุธที่มีลุกขึ้นต่อต้านกองกำลังนาซีเยอรมัน โดยเป็นช่วงเวลารอยต่อระหว่างการถอยทัพของนาซีเยอรมัน และการรุกเข้ามายึด โปแลนด์โดยกองทัพแดงของสหภาพโซเวียตการต่อสู้ระหว่างชาวโปลและนาซีดำเนินไปอย่างดุเดือด แต่จุดพลิกผันเกิดขึ้นเมื่อกองทัพแดงของสหภาพโซเวียต ได้พักรบชั่วคราวระหว่างที่ ชาวโปแลนด์ลุกขึ้นสู้กับนาซีเยอรมัน นี่ทำให้กองทัพนาซีเยอรมนีสามารถรวมกลุ่มได้อีกครั้ง และหันกลับมาโจมตีชาวโปล รวมถึงเผากรุงวอร์ซอจนวอดไปราวร้อยละ 35 ของพื้นที่ทั้งหมด

ก่อนจะสิ้นสุดลงในวันที่ 2 ตุลาคม ปี 1944 ด้วยความพ่ายแพ้ของชาวโปล และสหภาพ โซเวียตเข้าผนวกโปแลนด์เป็นส่วนหนึ่ง

ผลจากการต่อสู้ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยกลุ่มชาวโปแลนด์ที่ลุกขึ้นต่อต้านเสีย ชีวิตไปราว 16,000 ราย บาดเจ็บอีก 6,000 ราย ขณะที่พลเรือนเสียชีวิตไปราว 150,000-250,000 คน โดยประชาชนส่วนใหญ่เกิดจาก การประหารชีวิตหมู่

ประธานาธิบดีโปแลนด์เคยพูดเปรียบเทียบว่าเหตุการณ์ก่อกบฏของชาวโปแลนด์เมื่อ 79 ปีแล้ว กำลังเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง หลังรัสเซียเข้ารุกรานยูเครน ทำให้ชาวยูเครนต้องลุก ขึ้นสู้เพื่อประเทศของตนเองส่วนสถานการณ์การสู้รบโจมตีในยูเครนตอนนี้ ยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด โดยล่าสุด รัสเซียได้กระหน่ำโจมตีทางอากาศใส่ยูเครน

ทางการยูเครนรายงานว่า วันนี้รัสเซียได้ส่งโดรนชาเฮด-131 และ 136 กว่า 23 ลำ เข้า โจมตีหลายพื้นที่ทั่วยูเครนตลอดทั้งคืน ไม่เว้นแม้แต่เมืองหลวงอย่างกรุงเคียฟ ทำให้ เสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังก้องไปทั่วบริเวณ

ทั้งนี้ วิตาลี คลิชโก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟรายงานว่า กองทัพอากาศสามารถสกัดโด รนเอาไว้ได้ราว 10 ลำ ส่งผลให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้แต่เศษซากของโดรนที่ถูกยิงสกัดบางส่วน ได้ไปชนเข้ากับอาคารที่ทำการของภาครัฐใน กรุงเคียฟจนได้รับความเสียหายบางส่วน

ขณะเดียวกัน โอเลฮ์ คีเปอร์ ผู้ว่าการแคว้นโอเดสซา รายงานเช่นเดียวกันว่า โดรนของ รัสเซียที่หลุดรอดจากการยิงสกัดของระบบป้องกันภัยทางอากาศ ได้พุ่งเข้าโจมตีคลัง เก็บธัญพืชและท่าเรืออิซมาอิล บริเวณแม่น้ำดานูบใกล้กับชายแดนของโรมาเนีย ส่งผล ให้เกิดเพลิงลุกไหม้อย่างหนัก และธัญพืชบางส่วนเสียหาย

หลังจากเกิดเหตุโจมตีคลังเก็บธัญพืชและท่าเรือในแคว้นโอเดสซาโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเทเลแกรมระบุ ว่า รัสเซียได้โจมตีท่าเรือ ธัญพืช และความมั่นคงด้านอาหารของโลกอีกครั้ง ตลอดจน ขอร้องให้นานาชาติเข้าช่วยเหลือเพื่อป้องกันวิกฤตด้านอาหารโลก

นับตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคมเป็นต้นมา ซึ่งเป็นวันที่รัสเซียยุติข้อตกลงขนส่งธัญพืชผ่าน ทะเลดำ รัสเซียได้โจมตีคลังเก็บธัญพืชและท่าเรือต่างๆ หลายครั้ง จนเรียกเสียง ประณามจากหลายฝ่าย เนื่องจากการโจมตีอาจส่งผลต่อความมั่นคงด้านอาหารของประเทศยากจน โดยเฉพาะ ในทวีปแอฟริกา ล่าสุดวันนี้ มีความคืบหน้าเรื่องข้อตกลงขนส่งธัญพืชในทะเลดำออกมา

ลินดา ธอมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตถาวรสหรัฐฯ ประจำองค์การ สหประชาชาติ ได้แถลงข่าวระบุว่า รัสเซียอาจกลับเข้าสู่ข้อตกลงขนส่งธัญพืชในทะเลดำ อีกครั้ง โดยทุกฝ่ายเตรียมพร้อมที่จะหารือร่วมกันเพื่อหาทางออกให้ข้อตกลงกลับมามี ผลบังคับใช้อีกครั้งเรือ 3 สัญชาติไม่สนรัสเซีย เดินเรือผ่านทะเลดำรับธัญพืชจาก ยูเครน

สำหรับความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการขนส่งธัญพืชผ่านทะเลดำล่าสุดสำนักข่าวฟอร์บส์รายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เรือขนส่งของพลเรือน สัญชาติอิสราเอล กรีซ และตุรกี-จอร์เจีย ได้เดินเรือผ่านพื้นที่ที่รัสเซียประกาศห้ามเดิน เรือในทะเลดำ เพื่อไปยังท่าเรือแห่งหนึ่งของยูเครนบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำดานูบ สถาบันเพื่อการศึกษาสงครามหรือ ISW คาดว่าเรือทั้งสามลำอาจมุ่งหน้าไปยังท่าเรืออิ ซมาอิลเพื่อบรรทุกธัญพืชไปส่งยังประเทศปลายทาง

ISW ตั้งข้อสังเกตว่าในขณะที่เรือเหล่านี้มุ่งหน้าไปยังท่าเรีออิซมาอิล บริเวณแม่น้ำดานู บ เหนือน่านฟ้าบริเวณใกล้เคียงมีเครื่องบินของชาติสมาชิกนาโตไม่น้อยกว่า 4 ลำบิน อยู่ด้วย คาดว่าเพื่อคุ้มกันเรือเหล่านี้ เนื่องจากกรีซและตุรกีเป็นชาติสมิกนาโต

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางคนตั้งข้อสังเกตว่าเรือทั้งสามลำไม่ถูกรัสเซียโจมตีเป็น เพราะไม่ได้แล่นเรือผ่านบริเวณน่านน้ำที่รัสเซียประกาศปิด แต่แค่แล่นเฉียดก่อนเข้า ชายฝั่งของโรมาเนียเท่านั้น

By admin

Related Post